Tuesday 30 March 2010

"เฟอร์กี" หวัง "รูนีย์" เจ็บไม่หนัก

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาแสดงความคาดหวังว่าอาการเจ็บข้อเท้าของ เวย์น รูนีย์ ศูนย์หน้าคนสำคัญจะไม่หนักหนามากนัก พร้อมทั้งยอมรับว่าไม่สามารถครองบอลได้ตามมาตรฐานทำให้พ่าย บาเยิร์น มิวนิค



“ปิศาจแดง” บุกไปแพ้ “เสือใต้” 1-2 ในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา โดยได้รับข่าวร้ายจากการที่ รูนีย์ มีอาการบาดเจ็บข้อเท้าในช่วงท้ายเกมจนต้องพยุงออกมาข้างสนาม


อย่างไรก็ตาม เฟอร์กี ออกมาพูดถึงอาการของดาวเตะวัย 24 ปีว่า “เขาเจ็บที่ข้อเท้าซึ่งมันยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าอาการหนักแค่ไหน แต่ผมคิดว่าคงไม่รุนแรงมาก ส่วนเรื่องที่เขาจะลงสนามพบกับ เชลซี ในวันเสาร์นี้ (3 เมษายน) ได้หรือไม่ก็ยังตอบไม่ได้อยู่ดี ซึ่งเราคงจะรู้อะไรมากขึ้นภายในวันพุธนี้”

ขณะเดียวกัน ผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ยังกล่าวถึงสาเหตืที่ทีมปราชัยว่า “เราได้ประตูนำอย่างรวดเร็วตั้งแต่ 2 นาทีแรก แต่หลังจากนั้นเราก็ไม่สามารถครองบอลได้ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น พวกเขากดดันเราอย่างหนักจนกระทั่งเสียประตูในนาทีสุดท้าย อย่างไรก็ตาม เรายังยิงประตูทีมเยือนได้และ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ช่วยเซฟอีกหลายลูก ทำให้เรายังมีโอกาสในการกลับไปเล่นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งเราจะเล่นให้ดีกว่านี้ในนัดหน้า”

ส่วน หลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่บาเยิร์นให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า "หลังจากเสียประตูแรกโดยไม่ทันตั้งตัว เราต้องใช้เวลา 10 กว่านาทีในการตั้งหลักและหลังจากนั้นเราก็เป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า ตอนนี้เรามีโอกาสดีในการไปเล่นที่ แมนเชสเตอร์ เนื่องจากเรามีลุ้นที่จะยิงประตูทีมเยือนได้ทุกเมื่อ"

ที่มา

Monday 29 March 2010

"แฟร์มาเลน" ฝันพาปืนซิวชปล.

โธมัส แฟร์มาเลน กองหลังตัวเก่งของ อาร์เซนอล แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยอมรับมีความฝันคว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีก ร่วมกับ "ปืนโต" และเชื่อว่าทีมมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำได้สำเร็จ

แฟร์มาเลน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ อาร์เซนอล นับแต่ย้ายจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาร่วมทีมเมื่อช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา

กองหลังทีมชาติเบลเยี่ยมจำเป็นต้องพยายามเค้นฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของตนเองเพื่อช่วย "ปืนโต" เปิดสนามเอมิเรตส์ สเตเดียม รับมือ บาร์เซโลนา ยักษ์แห่งศึกลาลีกา สเปน ในศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรกในวันพุธที่ 31 มีนาคมนี้

แม้หลายคนมองว่า "เจ้าบุญทุ่ม" มีภาษีดีกว่าลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ แต่ แฟร์มาเลน เชื่อว่า อาร์เซนอล สามารถจะเอาชนะตัวเต็งของรายการได้เพื่อคว้าแชมป์ถ้วยใบใหญ่ที่สุดของยุโรป

"เมื่อผมมาที่อาร์เซนอล เจ้านายพูดถึงเป้าหมายของสโมสร นั้นคือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและยูฟา แชมเปียนส์ลีก นั้นเป็นเรื่องใหม่สำหรับผม เพราะที่อาแจ็กซ์ เราต้องการเล่นในยูฟา แชมเปียนส์ลีก แต่พูดกันแต่เพียงการคว้าแชมป์ลีกเท่านั้น การพูดถึงการคว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีกเป็นเรื่องที่ไม่อยู่กับความเป็นจริง จึงแปลกมากสำหรับผมที่ได้ยินอะไรแบบนี้ แต่การมาเล่นที่นี่ก็ทำให้ผมสามารถวาดฝันถึงการคว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีกได้" แฟร์มาเลน กล่าว

ที่มา

Sunday 28 March 2010

"ตอร์เรส" ฟุ้งฟอร์มยังเทพได้อีก

เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงทีมชาติสเปน ของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ฟุ้งยังงัดฟอร์มเทพได้มากกว่านี้ หลังเหมาซัดสองประตูในเกม พรีเมียร์ชิป อังกฤษ เปิด แอนฟิลด์ ถลกหนัง "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ 3-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา



ตอร์เรส ยิงประตูเสียบสามเหลี่ยมสุดสวยเบิกร่องให้ ลิเวอร์พูล ก่อนจะยิงปิดท้ายอีกหนึ่งประตูอย่างเหนือชั้นในเกมยำใหญ่ ซันเดอร์แลนด์ 3-0 ยังรักษาความหวังไปลุยศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ในฤดูกาล ตามหลัง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ อันดับ 4 อยู่ 4 แต้มแถมแข่งมากกว่า 1 นัด


หลังเกม ตอร์เรส ออกมาขู่คู่ต่อสู้แย่งโควตายุโรปว่า "ผมยังสามารถยิงประตูได้ดีกว่านี้และหวังว่าฟอร์มที่ดีที่สุดจะมาในไม่ช้า การรักษาความสม่ำเสมอในการยิงประตูและยิงให้ได้มากๆ คืองานของผม ทีมกำลังเดินมาในทิศทางที่ถูกต้อง ตอนนี้เรายังเหลืออีก 6 เกมดังนั้นจะต้องชนะให้ได้ต่อเนื่อง"

"เราแข็งแกร่งเสมอยามเล่นใน แอนฟิลด์ คุณสามารถเห็นฟอร์มที่แตกต่างจากเมื่อช่วงต้นฤดูกาล ตอนนี้เราเริ่มมีความมั่นใจกันมากขึ้น คุณสามารถดูได้จากการเล่น เราจะคว้าชัยให้ได้ทุกเกมและรอดูว่าคู่ต่อสู้จะเป็นอย่างไร" หอกวัย 26 ปี เผย

Saturday 27 March 2010

"ผี" ถล่มโบลตัน 4-0 ขึ้นนำฝูง

"ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับขึ้นมาเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง หลังฟอร์มเฉียบบุกถล่ม "เดอะทร็อตเตอร์" โบลตัน วันเดอเรอร์ส 4-0 ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่สุดท้ายของคืนวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม



โบลตัน แม้มีคะแนนห่างโซนตกชั้นพอสมควร แต่ยังประมาทไม่ได้ต้องพยายามเก็บคะแนนเพิ่มเช่นกัน โดยเกมนี้ โอเวน คอยล์ จัดการส่ง แจ็ก วิลเชียร์ และ ลี ชุง ยอง คอยทำเกม ส่วนคู่หน้าเป็น โยฮัน เอลมานเดอร์ และ เควิน เดวิส ทางฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องเก็บชัยชนะเพื่อกลับคืนจ่าฝูงอีกครั้ง แต่ขาด เวย์น รูนีย์ ดาวยิงฟอร์มฮอตที่มีข่าวว่าเจ็บเข่าทำให้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ลงมายืนเป็นหน้าเป้ามี นานี และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย คอยสนับหนุน

เกมครึ่งแรก โบลตัน ไม่กลัวทีมเยือนทำเกมบุกสู้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างสนุกสูสี โดยจังหวะแบบชัดเจนครั้งแรกของเกมเกิดขึ้นในนาที 18 เป็นโอกาสของ "ผีแดง" เมื่อ เฟลทเชอร์ หลุดขึ้นมาทางขวา ก่อนเปิดบอลเข้าไปให้ เบอร์บาตอฟ ได้ซัดมุมแคบ แต่ไม่ผ่านมือ ยัสเคไลเนน


อีก 2 นาทีถัดมาจากลูกเตะมุมบอลมาเข้าทาง อีแวนส์ ได้ส่องในเขตโทษ แต่บอลเหินออกหลังไปไกล ด้าน โบลตัน มีโอกาสทองในนาที 26 เมื่อ วิลเชียร์ แทงบอลทะลุแผงกองหลังของทีมเยือนจน เอลมานเดอร์ หลุดเข้ายิงมุมแคบ แต่ถูก ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดทิ้งออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม

เกมครึ่งหลัง โบลตัน ทำเป็นฝ่ายบุกกดดันมากกว่า แต่หาทางเจาะแนวรับของแชมป์เก่าเข้าไปลุ้นทำประตูแบบชัดเจนไม่ได้ ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด รอจังหวะโต้กลับเร็วเป็นส่วนใหญ่ จนมาถึงนาที 52 ทีมต่อบอลกันได้สวยบริเวณหน้าเขตโทษ ก่อนที่จังหวะสุดท้าย เฟลทเชอร์ จะได้ซัดหลุดเสาออกไป


เกมผ่านหนึ่งชั่วโมง เอลมานเดอร์ ลองส่องไกลจากนอกเขตโทษ บอลพุ่งตรงตัว ฟาน เดอร์ ซาร์ รับไว้ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่แล้ว "ผีแดง" ก็มาคลายความกดดันเมื่อสามารถทำสกอร์หนีห่าง 2-0 ในนาที 68 เริ่มจาก เฟลทเชอร์ ลากบอลขึ้นมายิงตรงหน้าเขตโทษ บอลพุ่งแรงจน ยัสเคไลเนน รับไม่อยู่ บอลกระฉอกมาเข้าทาง เบอร์บาตอฟ ตามซ้ำไม่เหลือซาก

ลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ใจยังเดินเครื่องต่อบุกต่อ มาถึงนาที 78 ก็ทำสกอร์นำห่าง 3-0 จากจังหวะที่ นานี หลุดเข้าไปในเขตโทษ โยกหลอกกองหลังเจ้าถิ่นก่อนจะผ่านบอลมาให้ เบอร์บาตอฟ ดีดด้วยข้างเท้าด้านนอกส่งบอลเข้าซุกก้นตาข่าย


ดาร์รอน กิ๊บสัน ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน เฟลทเชอร์ ในนาที 81 และนาทีถัดมามิดฟิลด์วัย 22 ปีก็มายิงประตูให้ "ผีแดง" ทะยานห่าง 4-0 เมื่อแปบอลจากการทำทางอันสุดสวยอีกครั้งของ นานี แสกหน้า ยัสเคไลเนน เช็ดคานเข้าประตูไป หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายไม่มีการทำประตูอีก จบ 90 นาทีด้วยชัยชนะของ แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมเก็บคะแนนเพิ่มเป็น 72 แต้มทิ้ง เชลซี 1 แต้มขึ้นมาเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง

ที่มา..

...


เซอร์สยบข่าว "รูน" เจ็บเข่า

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาปฏิเสธข่าวลือ เวย์น รูนีย์ ดาวยิงฟอร์มฮอต มีปัญหาอาการบาดเจ็บหัวเข่า เนื่องจากกรำศึกหนักมาตลอดทั้งฤดูกาล โดยยืนยันดาวยิงวัย 24 ปีรายนี้ยังฟิตสมบูรณ์และพร้อมลงสนามช่วยทีมในการบุกไปเยือน โบลตัน วันเดอเรอร์ส ในวันเสาร์ที่ 27 มีนาคมนี้



เมื่อช่วงต้นสัปดาห์เกิดข่าวว่า รูนีย์ มีอาการอักเสบบริเวณเอ็นหัวเข่า เนื่องจากมีคนเห็นว่าดาวยิงทีมชาติอังกฤษเดินขโยกเขยกหลังจบเกมที่เจ้าตัวยิงประตูที่ 33 ของฤดูกาลจนช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เฉือนชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ในเกมนัดแดงเดือด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา แถมลืออีกว่าจะกระทบต่อ "สิงโตคำราม" ในการลุยศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ในช่วงกลางปีนี้


แต่ล่าสุด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกมายุติการคาดเดาต่างๆ โดยยืนยันว่าดาวยิงวัย 2 ปียังฟิตเต็มร้อยและพร้อมจะลงสนามช่วย "ผีแดง" บุกไปเยือน โบลตัน วันเดอเรอร์ส ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 27 มีนาคมนี้

"เวย์น มีสภาพร่างกายที่ฟิตและหัวเข่าของเขาไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด" กุนซือชาวสกอตยืนยันผ่านทางเวปไซต์ของสโมสร

นอกจากนี้ เซอร์ อเล็กซ์ ยังเปิดเผยด้วยว่า ไรอัน กิ๊กส์ และ พอล สโคลส์ สองมิดฟิลด์ตัวเก๋าพร้อมจะกลับมาสู่ทีมในเกมที่สนามรีบ็อก สเตเดียม หลังหายจากอาการเจ็บก่อนหน้านี้ "สโคลส์ พร้อมอีกครั้งหลังจากหายเจ็บข้อเท้าและไรอัน ก็ได้ฝึกซ้อมมากว่าสัปดาห์"

ขณะที่ จอห์น โอเชีย กองหลังสารพัดประโยชน์กำลังอยู่ในช่วงของการเรียกความฟิต หลังจากไม่เล่นมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แต่ เฟอร์กูสัน คาดว่าลูกทีมรายนี้จะกลับมาช่วยทีมได้ในช่วงต้นเดือนหน้า

"จอห์น โอเชีย ลงฝึกซ้อมกับทีมในวันพฤหัสบดีเป็นครั้งแรก และเราคาดการณ์ว่าเขาจะกลับมาลงสนามได้ในช่วงต้นเดือนเมษายน นี่เป็นข่าวดีสำหรับเราในตอนนี้เพราะตลอดทั้งฤดูกาลเราต้องรับมือกับการที่กองหลังบาดเจ็บตลอดเวลาและมันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย"

Thursday 25 March 2010

ผี-เรือใบเปิดศึกชิง "เม็กแซส"

"ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมเปิดศึกนอกสังเวียนกับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี เพื่อชิงตัว ฟิลิปป์ เม็กแซส ปราการหลังตัวแกร่งทีมชาติฝรั่งเศสมาค้ำเกมรับ


 
แม้จะได้ เนมันยา วิดิช กลับมาประจำการจับคู่กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ได้อย่างลงตัว แต่ดูเหมือน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังคงมองหาเซ็นเตอร์ฮาล์ฟฝีเท้าเยี่ยมมาเสริมแกร่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ยอดทีมแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อยู่ต่อไป ขณะที่ โรแบร์โต มันชินี ก็หมายดึงแข้งสตาร์มาเพิ่มศักยภาพให้ แมนฯ ซิตี เช่นกัน โดยเฉพาะแผงหลังที่ยังไม่แน่นหนาเท่าที่ควร


โดยแหล่งข่าวบางสำนักเมืองผู้ดีเชื่อว่า 2 ทีมดังแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ใจตรงกันอยากได้ ฟิลิปป์ เม็กแซส มาร่วมงาน ซึ่งการที่ดาวเตะวัย 27 ปี เหลือสัญญาค้าแข้งกับ "หมาป่าเหลืองแดง" โรมา แห่งเซเรีย อา อิตาลี ถึงปี 2011 และไม่มีทีท่าขยายสัญญาฉบับใหม่ออกไป เนื่องจากมีปัญหาเกาเหลากับ เคลาดิโอ รานิเอรี กุนซือชาวอิตาเลียน ทำให้สื่อเชื่อว่ามีโอกาสที่สโมสรจากกรุงโรมจะยอมขายเซ็นเตอร์ฮาล์ฟร่าง 6 ฟุต 2 นิ้ว ออกมาเหมือนกัน

สำหรับ เม็กแซส แจ้งเกิดกับ โอแซร์ พาต้นสังกัดเป็นแชมป์เฟรนช์ คัพ รวมถึงไปลุยยูฟา แชมเปียนส์ ลีก มาแล้ว จนถูก "หมาป่าเหลืองแดง" ซิวตัวไปร่วมงานเมื่อปี 2004 ด้วยค่าตัว 7 ล้านยูโร (ประมาณ 315 ล้านบาท) ปัจจุบันกองหลังผมสลวยลงสนามรับใช้ โรมา ไปแล้ว 131 นัด มีส่วนพาทีมคว้ารองแชมป์เซเรีย อา 3 สมัย เป็นแชมป์โคปปา อิตาเลีย 2 ครั้ง และก็ได้แชมป์ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย 1 หน

"มันโช-มอยส์" ขอโทษหลังหวิดวางมวย

โรแบร์โต มันชินี และ เดวิด มอยส์ 2 กุนซือคนดังโดนไล่ออกในเกม พรีเมียร์ชิป อังกฤษ แมนเชสเตอร์ ซิตี แพ้คารังต่อ เอฟเวอร์ตัน 0-2 เมื่อคืนวันพุธที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ทั้งคู่ออกมาแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์งามหน้าที่เกิดขึ้น แต่ไม่รอดจะต้องถูกสอบสวนและลงโทษจาก สมาคมฟุตบอลอังกฤษ



เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเมื่อ มอยส์ กุนซือ เอฟเวอร์ตัน กุมความได้เปรียบด้วยสกอร์ 2-0 ทำให้วิ่งไปคว้าบอลเพื่อจะเปลี่ยนตัวถ่วงเวลาเพื่อเปลี่ยนตัว มันชินี นายใหญ่ แมนฯซิตี จึงไม่พอใจและวิ่งจะไปคว้าบอล ทำให้เกิดการปะทะและฮึดฮัดกันจนโดนใบแดงจากกรรมการ ปีเตอร์ วอลตัน ทั้งคู่


หลังเกม มอยส์ ที่พา เอฟเวอร์ตัน ยัดเยียดความปราชัยนัดแรกคาถิ่นให้กับ แมนฯซิตี เผยว่า "ผมแปลกใจมากที่ถูกไล่ออก เพราะไม่รู้ว่าทำอะไรผิด บางทีอาจจะเพราะว่าดันไปถือบอลเอาไว้ แต่เนื่องจากต้องการเปลี่ยนตัว ผมไม่ได้ต่อสู้หรือทำอะไรทั้งนั้น จึงก็ไม่ควรถูกไล่ออกด้วยเรื่องง่ายๆ แบบนี้"

ส่วน มันชินี ออกมากล่าวคำขอโทษว่า "ถ้าหากว่าผมทำอะไรผิดพลาดก็ต้องขอโทษด้วย ผมแค่ต้องการบอล เพราะว่าเรายังเหลือเวลาอีก 5 นาทีก่อนจบเกม ผมผิดหวังมาก มือผมอาจจะสะบัดออกไป แน่นอนว่าก็จะพยายามไม่ทำแบบนี้อีกในครั้งต่อไป ผมจะไปดื่มกับเขาอย่างไม่มีปัญหา เพราะตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว"

Wednesday 24 March 2010

"เมสซี" แซง "เบ็คส์" ฟันเงินสูงสุด

นิตยสาร "ฟรองซ์ ฟุตบอล" ของ ฝรั่งเศส เผย เดวิด เบ็คแฮม กองกลางดาวค้างฟ้าทีมชาติอังกฤษ สูญเสียตำแหน่งนักฟุตบอลรายได้สูงที่สุดในโลกให้กับ ลิโอเนล เมสซี เพลย์เมกเกอร์ บาร์เซโลนา ส่วนตำแหน่งกุนซือฟันเงินสูงสุดในโลกเป็นของ โชเซ มูรินโญ จาก อินเตอร์ มิลาน


เบ็คแฮม มีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 27.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,365 ล้านบาท) ส่วน เมสซี ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ด้วยจำนวนเงิน 29.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,480 ล้านบาท) หลังฟันโบนัส 3.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 180 ล้านบาท) จากการพาทีมคว้าทริปเปิลแชมป์เมื่อปีที่แล้ว

ส่วนเหตุที่ เบ็คแฮม รูดมาอยู่อันดับ 2 เพราะรายได้จากค่าโฆษณาต่างๆ ลดลงไป แต่ถึงกระนั้นก็ตามยังเหนือกว่า คริสเตียโน โรนัลโด แข้งค่าตัวแพงที่สุดในโลกของ รีล มาดริด 27 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,350 ล้านบาท) คิดเป็นค่าเหนื่อย 11.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 585 ล้านบาท) และโบนัส 900,000 ปอนด์ (ประมาณ 45 ล้านบาท)

แต่หากจะนับบรรดานักกีฬาที่มีรายได้สูงสุด เมสซี ยังตามหลัง ไทเกอร์ วูดส์ (กอล์ฟ), ฟิล มิคเคลสัน (กอล์ฟ) และ เลอบรอน เจมส์ (บาสเกตบอล) ส่วน เบ็คแฮม รั้งอันดับ 7 ตามหลัง เฟร์นานโด อลอนโซ และ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ 2 นักขับรถสูตรหนึ่งดีกรีอดีตแชมป์โลก

10 นักฟุตบอลทำเงินสูงสุด (รวม ค่าเหนื่อย, โบนัส และ รายได้นอกสนาม)


1.ลิโอเนล เมสซี (บาร์เซโลนา) 29.6 ล้านปอนด์

2.เดวิด เบ็คแฮม (แอลเอ กาแล็คซี / เอซี มิลาน) 27.3 ล้านปอนด์

3.คริสเตียโน โรนัลโด (รีล มาดริด) 27 ล้านปอนด์

4.กาก้า (รีล มาดริด) 16.9 ล้านปอนด์

5.เธียร์รี อองรี (บาร์เซโลนา) 16.1 ล้านปอนด์

6.โรนัลดินโญ (เอซี มิลาน) 15.5 ล้านปอนด์

7.คาร์ลอส เตเบซ (แมนเชสเตอร์ ซิตี) 13.8 ล้านปอนด์

8.ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (บาร์เซโลนา) 13 ล้านปอนด์

9.แฟรงค์ แลมพาร์ด (เชลซี) 12.8 ล้านปอนด์

10.ซามูเอล เอโต (อินเตอร์ มิลาน 12.4 ล้านปอนด์



Tuesday 23 March 2010

ผีระส่ำ "รูน" เจ็บเข่าไม่หาย

เวย์น รูนีย์ ดาวยิง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่หัวเข่า หลังจากต้องกรำศึกหนักตลอดทั้งฤดูกาล คาดว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะต้องให้โอกาสพักในเกม พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ที่จะไปเยือน โบลตัน วันเดอเรอร์ส ในวันเสาร์ที่ 27 มีนาคมนี้



รูนีย์ มีอาการอักเสบบริเวณเอ็นหัวเข่า แต่ยังฝืดลงสนามจนยิงประตูลำดับที่ 33 ของฤดูกาลในเกม "วันแดงเดือด" ที่เปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อัด ลิเวอร์พูล 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ทว่าหลังเกมกองหน้าทีมชาติอังกฤษ เดินขโยกเขยกอย่างเห็นได้ชัด


ทำให้ รูนีย์ อาจจะวืดลงสนามในเกมไปเยือน โบลตัน วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เพราะหลังจากนั้นต้องเจอกับ เชลซี ในช่วงต้นเดือนเมษายน รวมถึงยังมีเกม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย และอีกราว 80 วันก็จะต้องช่วย อังกฤษ เหินฟ้าไปทำศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ แอฟริกาใต้

อาการบาดเจ็บหัวเข่าของ รูนีย์ เริ่มจากเกม คาร์ลิง คัพ นัดชิง ที่ลงสนามมาเป็นตัวสำรองแทนที่ของ ไมเคิล โอเวน จากนั้นก็ช่วย อังกฤษ ในเกมนัดกระชับมิตรที่เอาชนะ อียิปต์ เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งการลงเล่นในสนาม เวมบลีย์ ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักติดต่อกันทำให้เจ็บหนักขึ้น

Thursday 18 March 2010

"ราฟา" โล่งหงส์ชนะลีลล์ลดกดดัน

ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือลิเวอร์พูลยอมรับรู้สึกคลายความกดดันหลังเอาชนะ ลีลล์ ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกยูโรปา ลีก ชี้การได้ประตูขึ้นนำเร็วช่วยให้เล่นอย่างมั่นใจ



บอลถ้วยใบรองของยุโรป รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา “หงส์แดง” เฝ้ารังแอนฟิลด์ปราบ ลีลล์ ทีมจากลีกเอิง ฝรั่งเศส 3-0 โดย สตีเวน เจอร์ราร์ด ยิงจุดโทษเบิกร่องตั้งแต่นาทีที่ 9 ก่อนที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส จะเหมาอีก 2 ลูกที่เหลือ ช่วยให้เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยประตูรวม 3-1


หลังจบเกม เอล ราฟา ที่เพิ่งถูกลูกทีมอย่าง อัลเบิร์ต ริเอรา วิจารณ์ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “นี่เป็นเกมที่ยากเพราะ ลีลล์ เป็นทีมที่ดี แต่บรรยากาศในทีมถือว่ายอดเยี่ยมและตอนนี้ทุกคนต่างก็มีความสุข เมื่อเรายิงประตูที่สามได้ก็ทำให้รู้สึกคลายความกดดันลง”

เบนิเตซ ยังพูดถึงการขึ้นนำเร็วในช่วงต้นเกมว่า “เรารู้ว่า ลีลล์ จะไล่บีบตั้งแต่ต้นและหากเรายิงประตูไม่ได้โดยเร็วก็จะยิ่งเข้าทางพวกเขา ดังนั้น ประตูของ เจอร์ราร์ด จึงช่วยเรียกความมั่นใจให้เราได้มาก นอกจากนั้น คุณจะเห็นได้ว่าผู้เล่นต่างทำงานหนักในการเผชิญหน้ากับ ลีลล์ ที่มีความอันตรายและมีผู้เล่นบางคนที่มีทักษะและความเร็วคอยเล่นงานเรา”

ที่มา